Black Lighting

Чёрная Молния

Black Lighting 

เหาะทะลุฟ้า ซิ่งมหาประลัย

นักแสดง

Grigori Dobrigin แสดงเป็น Dima/Black Lighting

Ekaterina Vilkova แสดงเป็น Nastya Svetlova

Sergei Garmash แสดงเป็น Dima's Father

Viktor Verzhbitsky แสดงเป็น Prof.Viktor Kuptsov

ผู้กำกับ

Dmitriy Kiselev, Aleksandr Voytinskiy

วันที่เข้าฉาย

26 December 2009 (Moscow,Russia)

ความยาว

100 นาที

           เมื่อดิม่า หนุ่มนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง  Moscow State University (МГУ) ผู้ได้รับของขวัญวันเกิดจากพ่อของเขาเป็นรถ Volga GAZ-21 แต่มันไม่ใช่รถธรรมดาๆ มันซ่อนความลับของเทคโนโลยีสมัยโซเวียตไว้ นั่นทำให้รถของเขาบินได้ !! แล้วดิม่าจะทำอย่างไรกับพลังที่เขาได้มา? จะนำมันไปช่วยเหลือผู้คน หรือใช้เพียงเพื่อประโยชน์ของตนกัน?

"นี่คือหนังซุปเปอร์ฮีโร่สายพันธ์รัสเซีย ที่ทำออกมาได้น่าสนใจไม่แพ้หนังฮีโร่จากอเมริกาเลยครับ"

"การวางโครงเรื่องได้น่าติดตาม อารมณ์ของแต่ละตัวละคร ฉากที่สวยงามต่างๆในเมืองมอสโก นี่คือจุดเด่นๆของหนังเรื่องนี้"

"ต้องยอมรับว่า CG ภายในเรื่องค่อนข้างจะหยาบไปนิดหน่อย ทั้งฉากบิน ฉากจรวดยิงกัน แต่ก็ถือว่านำเสนอและโชว์เอกลักษณ์ออกมาได้น่าสนใจมากๆ"

"นับว่าเป็นหนังฮีโร่ที่มีมิติเรื่องนึง แม้ตัวเอกเองจะไม่ได้มีพลังพิเศษอะไร แต่เขาแสดงความรู้สึกของคนในชีวิตจริงๆออกมา ที่ฮีโร่ไม่ได้ดูดีไปซะหมด มันเคลือบไปด้วยอารมณ์สีเทา ทั้งเจ็บปวดมีน้ำตา และโชว์ให้เห็นว่าฮีโร่จริงๆมันออกมาจากข้างใน"

"ฉากที่น่าสนใจในเรื่องมีออกมาหลายฉากอยู่ เช่นฉากที่จตุรัสแดง ที่เป็นสถานที่สำคัญของรัสเซีย มีออกมาโชว์ให้เห็นแถมยิงมิสไซส์ถล่มกันตรงนั้นเลย !!"

"หนังเรื่องนี้ผมเคยดูมานานแล้ว แต่ตอนนั้นไม่รู้ชื่อเรื่องแถมไม่ได้สนใจติดตามต่ออีก จนผมเพิ่งจะคุยถูกคอเรื่องหนังกับเพื่อนใหม่ที่เรียนภาษารัสเซียด้วยกันและเขาทำให้ผมนึกหนังเรื่องนี้ออก ซึ่งปกติผมไม่ค่อยได้เขียนเกี่ยวกับซุปเปอร์ฮีโร่เท่าไหร่ (แหม่เราเด็ก DC แต่หนังที่ออกมาตอนนี้มีแต่สุดยอดจนไม่ต้องบรรยายอะไรของ Marvel ทั้งนั้น)"

"ฝากกันด้วยนะครับ เป็นหนังที่น่าสนใจมากเลยแหละ มีครบรสเหมือนกัน รัก เฮฮา ดราม่า แต่เป็นสไตล์หมีขาวนะครับ ใครยังไม่ได้ชม ถ้ามีเวลาก็ฝากไว้ด้วยครับกับ Black Lighting !!"

The Monkey King 3D

The Monkey King 3D

ไซอิ๋ว 3D ภาคกำเนิดราชาวานร

นักแสดงนำ

Donnie Yen แสดงเป็น ซุน หงอคง

Yun-Fat Chow แสดงเป็น เง็กเซียนฮ่องเต้

Aaron Kwok แสดงเป็น ปีศาจกระทิง

Joe Chen แสดงเป็น องค์หญิงพัดเหล็ก

ผู้กำกับ

Pou-Soi Cheang

วันที่เข้าฉาย

27 February 2014 (TH)

ความยาว

119 นาที

เมื่อเผ่าปีศาจนำโดยปีศาจกระทิง ต้องการจะยึดครองสวรรค์ทำให้เง็กเซียนต้องจัดการ แต่ทว่าเง็กเซียนก็ไว้ชีวิตปีศาจกระทิง แต่ทว่าสวรรค์ก็เสียหายมาก ทำให้เจ้าแม่หนี่ วาต้องเสียสละตนเพื่อซ่อมสวรรค์ และมีผลึกชิ้นหนึ่งตกลงไปยังโลก ซึ่งกำเนิดเป็นลิงที่กุมจะตาของโลกไว้....

"เป็นไซอิ๋ว ภาคกำเนิดหงอคงที่เรารู้จักกันดี ซึ่งภาคนี้เขาทุ่มทุนสร้างกว่า 2000 ล้าน"

"สมราคา 2000 ล้าน ฉากสวรรค์และวังต่างๆนี่สวยวิ้งๆๆเลย แต่ผมก็ว่าเอฟเฟคบางอย่างมันก็ดูเวอร์ๆ ไปหน่อยอะนะ"

"นักแสดงก็ไม่ใช่ย่อย เพราะขนแต่คุณภาพมา ทั้งดอนนี่ เยนจากยิปมัน โจวเหวินฟะ และที่ผมตกใจคือเฉิน เฉียวเอิน หรือ Joe Chen จากกระบี่เย้ยยุทธจักร 2013 ที่สร้างกระแสฮือฮา เพราะเธอคือตงฟางปุ๊ปาย ที่แย่งบทนางเอกไปได้อย่างแนบเนียน อีกทั้งยังมีนักแสดงหนุ่ม เหอ รุ่นตง ผู้รับบทลิโป้ จากสามก๊ก 2010 มาประชันบทบาทเป็นเทพสามตาอีกด้วย" 

"เนื้อเรื่องนี่มันผมก็ไม่สู้แน่ใจนัก เพราะตัวเองก็ไม่ใช่แฟนไซอิ๋ว แต่อย่างใด แต่ก็ขอยอมรับว่าทำออกมาได้สนุกระดับนึงนะ ไม่ค่อยผิดหวังเพราะฉากมันดูรู้ว่าลงทุนอะ อย่างน้อยก็ใส่ใจพวกรายละเอียดเยอะ"

เนื้อเรื่อง : 6.5

ความสนุก : 7

ภาพรวม : 6

300: Rise of an Empire

300: Rise of an Empire

มหาศึกกำเนิดอาณาจักร

นักแสดงนำ

Sullivan Stapleton แสดงเป็น Themistocles

Eva Green แสดงเป็น Artemisia

Lena Headey แสดงเป็น Queen Gorgo

Rodrigo Santoro แสดงเป็น Xerxes

ผู้กำกับ

Noam Murro

วันที่เข้าฉาย

 6 March 2014 (TH)

ความยาว

102 นาที

MPAA Rate

R

ลีโอไนดัส และสปาตันทั้ง 300 คนพ่ายให้กองทัพเปอร์เชีย แต่ทว่านั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นระหว่างกรีกที่กำลังรวมตัวและเปอร์เซียเท่านั้น....

"หนังเล่าเรื่องจากภาคก่อน โดยแบ่งออกเป็นช่วงๆ คือช่วงก่อนหน้าเหตุการณ์ภาคแรก หรือมาราธอน ช่วงระหว่างเหตุการณ์ภาคแรก คือช่วงที่สปาตัน 300 คนออกไปรบ และช่วงหลังจากด่านฮอทเกตแตก"

"การสู้รบประมาณ 70% เป็นยุทธนาวีหรือการใช้เรือสู้รบกัน ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของภาคนี้ก็ว่าได้"

"การต่อสู้ในเรื่องนั้นดุดัน เลือดสาด แต่ภาพยังแฟนตาซี ตามแบบฉบับ 300 ในภาคแรก"

"ฉากต่างๆทำออกมาได้สวยงาม และต้องขอบอกว่านักแสดงสาว Eva Green ที่สวมบทเป็น Artemisia แม่ทัพเรือแห่งเปอร์เซีย ที่เธอเล่นออกมาได้สมบทบาทจริงๆ ทำเอาดูๆอยู่มีภาพเธอที่เล่น Camelot โผล่ขึ้นมาให้หายคิดถึง"

"ยังคงเหมือนกับภาคแรก มีเพียงจุดเดียวที่ยังขัดใจผม คือหนังเล่าเรื่องได้ไม่เป็นกลาง มองเปอร์เซียเป็นผู้ร้ายเกินไป"

"สรุปเลย คือเป็นหนังที่สนุกครับ ดูได้เพลินเลย ฉากต่อสู้มันส์ เลือดสาดเลย และถ้าดู 3D ก็จัดว่าคุ้ม เพราะฉากกระเด็น กระดอนถือว่าเยอะพอสมควร และบอกได้ว่าไม่เสียดายที่รอดูครับ"

เนื้อเรื่อง : 6.5

ความสนุก : 8

ภาพรวม : 7

Open Grave

Open Grave
ผวา ศพ นรก

นักแสดงนำ

Sharlto Copley แสดงเป็น Jonah

Thomas Kretschmann แสดงเป็น Lukas

Erin Richards แสดงเป็น Sharon

Joseph Morgan แสดงเป็น Nathan

Josie Ho แสดงเป็น สาวใบ้

ผู้กำกับ

Gonzalo López-Gallego

วันที่เข้าฉาย

27 February 2014 (TH)

ความยาว

102 นาที

MPAA Rate

R

         ชายคนหนึ่งตื่นขึ้นมาในหลุมที่มีศพอยู่นับร้อยรอบตัวเขา และเขาไม่สามารถจำได้ว่าเขาคือใคร แล้วเกิดอะไรขึ้น โดยหลังจากที่ขึ้นมาได้ ก็พบกับบ้านกลางป่า และคนอีก 5 คนที่มีอาการแบบเดียวกัน ซึ่งพวกเขาต้องช่วยกันค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่.....

"หนังสยองขวัญเรื่องนี้เปิดเรื่องมาได้น่าสนใจมากๆ ดำเนินเรื่องได้สนุก ไม่ได้หลอนอะไร ก็ไม่ถึงกับตกใจนัก แต่กลับมีคำถามให้คนดูได้มากมาย"

"แต่สำหรับชื่อไทย ผวา ศพ นรก นี่มันออกจะขัดๆไปซักหน่อย เพราะไม่ได้มีอาการผวาซักนิดเลย..."

"เป็นหนังที่ลึกลับ เหมือนกระดานจิ๊กซอว์ที่ว่างเปล่าจริงๆ และค่อยๆเติมไป แต่กลับไม่สานต่อให้จิ๊กซอว์นั้นครบ หนังก็จบเสียแล้ว นี่อาจจะเป็นข้อเสียเดียวเพราะไม่ยอมบอกว่าสุดท้ายแล้วมันเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น"

"เลือด ศพ ก็ใช้ได้ตามเรท R แต่ไม่ได้หลอนอะไรมากมาย แค่แอบสยองสภาพศพเบาๆ และใช้ตัวละครเปลืองไปหน่อย จู่ๆแม้งก็ตายซะงั้น"

"ส่วนตัวคิดว่ามันเริ่มเรื่องได้น่ารักมาก เพราะแม้งไม่คิดจะบอก(ห่า)อะไรเลยจริงๆ ชื่อตัวเอกนี่ตอนดูยังไม่รู้ว่ามันจะรู้ชื่อตัวเองตอนไหน"

"สรุปก็คือเป็นหนังที่ทำออกมาได้ดีนะ สนุก ตื่นเต้นอยู่ แต่ไม่ผวาตามชื่อไทย และคุณเตรียมประโยคคำถามได้มากมายตั้งแต่ต้นจนจบเลยจ้า"

เนื้อเรื่อง : 7.5
ความสนุก : 7
ภาพรวม : 6

RoboCop

RoboCop 

โรโบคอป

นักแสดงนำ
Joel Kinnaman แสดงเป็น Alex Murphy / RoboCop
Gary Oldman แสดงเป็น Dr. Dennett Norton
Michael Keaton แสดงเป็น Clara Murphy
Michael Keaton แสดงเป็น Raymond Sellars
Samuel L. Jackson แสดงเป็น Pat Novak

ผู้กำกับ

José Padilha

วันที่เข้าฉาย

12 February 2014

ความยาว

108 นาที

MPAA Rate

PG-13

ในปี 2028 ออมนิคอร์ป บริษัทผลิตหุ่นยนต์ทางการทหารขนาดใหญ่ ได้เสนอที่จะให้หุ่นยนต์ในการปกครองเมือง แต่กลับถูกฝ่ายค้านไม่เห็นด้วยเพราะหุ่นยนต์นั้นขาดจิตใต้สำนึก ต่างจากมนุษย์ จึงทำให้ออมนิคอร์ปได้รับตำรวจฝีมือดีที่ถูกอุบัติเหตุ ทำให้ร่างกายใช้การไม่ได้ มาสวมอุปกรณ์หุ่นยนต์หวังจะให้เกิดการใช้หุ่นยนต์ปกครอง

"สำหรับตัวผมต้องบอกว่าชอบชุดของปี 2014 นี้ทำออกมาได้สวยงามมากๆ ทำให้มีความรู้สึกตอบกลับหนังไปได้อย่างดี"

"ผมว่าเขาเล่าเรื่องดี ฉากต่างๆก็ดี แต่ติดตรงที่คุณพี่ Novak นี่แหละที่ชอบโผล่ออกมาตัดบทบ่อยๆ ทำให้เกิดความรู้สึกรำคาญตะหงิดๆ แต่ก็โอเคกับ CG เลยเพราะอลัง ดูไฮเทคมาก ถ้าไม่ติดคุณ Novak ผมคิดว่าหนังจะดำเนินไปอย่างดุดันกว่านี้เยอะเลยครับ"

"อย่าพยายามไปเปรียบกับเวอร์ชั่นจะดีกว่า สำหรับตัวผมคิดอย่างนั้น เพราะถ้าหยิบเวอร์ชั่นนั้นมาดูตอนนี้มันก็เหมือนตกยุคไปซักหน่อย เพราะอย่างนั้นดูความล้ำในภาคนี้ก็คงเพียงพอแล้วแหละ"

"ต่อไปเราคิดว่าหุ่นยนต์อาจจะเข้ามาทำงานแทนที่ต่างๆของมนุษย์ได้หรือไม่นั้น ในหนังก็ได้เล่าจุดนี้ไปแล้ว คำตอบนั้นผมอยากให้คุณเข้าไปสัมผัสด้วยตัวคุณเองนะครับ"

เนื้อเรื่อง : 7.5
ความสนุก : 7
ภาพรวม : 6.5

The Monuments Men

The Monuments Men

กองทัพฉกขุมทรัพย์สะท้านโลก

นักแสดงนำ

George Clooney แสดงเป็น Frank Stokes

Matt Damon แสดงเป็น James Granger

Bill Murray แสดงเป็น Richard Campbell

Cate Blanchett แสดงเป็น Claire Simone

John Goodman แสดงเป็น Walter Garfield

Bob Balaban แสดงเป็น Preston Savitz

ผู้กำกับ

George Clooney

วันที่เข้าฉาย

7 February 2014 (USA)

ความยาว

118 นาที

MPAA Rate

PG-13

สร้างจากเรื่องจริงของกลุ่มคนที่ต้องการจะตามหาและปกป้องงานศิลปะที่ถูกกองทัพนาซีขโมยไปเป็นของตัวเองในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2

"เป็นหนังที่ดูเรื่อยๆ ใช้การเล่าเรื่องผ่านหลายๆตัวละครให้มาต่อกันเป็นจิ๊กซอว์ มีทั้งมุขตลก ปะปนไปกับดราม่า ซึ่งก็ยอมรับว่าทำออกมาได้ลงตัวดี"

"นักแสดงที่มาเล่น ถือว่าน่าตื่นตาตื่นใจมากๆ เพราะแต่ละคนที่มาเล่นนั้นล้วนแต่มากฝีมือ"

"ถึงแม้งจะดำเนินเรื่องได้อย่างดี แต่กลับไม่มีจุดเด่นอะไรที่ทำให้ดูแล้วรู้สึกสะท้าน หรือขนลุก นั่นอาจจะเป็นเพียงจุดด้อยเดียวของหนังเรื่องนี้"

"ส่วนตัวผมที่ไม่รู้งานศิลปะมาดู และคนอื่นๆที่มาดูก็คงไม่ได้เป็นกูรู หรือจิตกรมากมายนัก จุดๆนี้แหละที่ผมคิดว่าเขาจะสื่อ เพราะปกติจะมีใครที่ไหนเล่ามาแลกชีวิตกับเพียงแค่รูปปั้น หรือแค่รูปภาพ ชนะสงครามแล้วจะเหลืออะไร ถ้าหากไม่รักษาสิ่งที่เชื่อมไว้ระหว่างจิตใจของคน"

Frank Stokes: If you destroy their achievements, their history, it's like they never existed.

(หากไปทำลายความสำเร็จของพวกเขา ประวัติศาสตร์ของพวกเขา มันก็เหมือนกับพวกเขาไม่เคยมีตัวตนอยู่เลย)

เนื้อเรื่อง : 6.5
ความสนุก : 6.5

ภาพรวม : 6.5

Nurse 3-D

Nurse 3-D นังพยาบาท

นักแสดงนำ

Paz de la Huerta แสดงเป็น Abby Russell

Katrina Bowden แสดงเป็น Danni

Corbin Bleu แสดงเป็น Steve

Niecy Nash แสดงเป็น Regina

ผู้กำกับ
Douglas Aarniokoski

วันที่เข้าฉาย
7 February 2014 (USA)

ความยาว
84 นาที

MPAA Rate
R

แอ๊บบี้ พยาบาลสาวสุดเซ็กซี่ ที่ไปแอบชอบ เดนนี่ พยาบาลหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทำงาน แต่เดนนี่ ไม่เล่นด้วย เพราะเธอมีแฟนอยู่แล้ว งานนี้แอ๊บบี้จะเชือดทุกอย่างที่ขวางทางรักของเธอ...

"เป็นหนังสยองขวัญที่คนธรรมดาอาจจะดูโหด เถื่อนดิบ เพราะเลือดสาดเยอะอยู่ แต่สำหรับคอหนังโหดอย่าง SAW นั้นเรื่องนี้ถือว่า เฉยๆ"

"ตัวเนื้อเรื่องที่ทำออกมาได้น่าสนใจ แต่ยังขาดการเลี้ยงดูไปยังตอนจบ ทำให้จบแบบคาใจ แต่สำหรับนักแสดง ก็ต้องยกนิ้วให้กับ ปาซ เดอ ลา อูเอต้า ที่แสดงเป็น แอ๊บบี้ เพราะเธอเล่นได้ถึงบทมากๆ ทั้งตอนยั่วยวนเพื่อล่อเหยื่อ ทั้งตอนสติแตกฆ่าคนเป็นผักปลา"

"ก็ค่อนข้างไม่ได้คาดหวังอะไรมากกับหนังเรื่องนี้ สำหรับตัวผมเองก็ไม่ได้คิดว่าหนังแนวนี้มันจะทำออกมาได้ดีไปกว่านี้นักหรอก แค่ผิดหวังเรื่อง 3มิติ มากๆ ฉาก 3มิติที่ผมนับได้มีอยู่ 2-3 ฉากเท่านั้นเอง และจุดเด่นก็คงเพราะความตื่นเต้นจากความเซ็กซี่ของแอ๊บบี้เท่านั้นเอง"

ส่วนคะแนนผมขอให้ 5/10 จากภาพรวมทั้งหมดของหนังนะครับ

21 Jump Street

21 Jump Street

สายลับร้ายไฮสคูล

นักแสดงนำ

Jonah Hill แสดงเป็น Schmidt

Channing Tatum แสดงเป็น Jenko
Brie Larson แสดงเป็น Molly Tracey
Dave Franco แสดงเป็น Eric Molson

ผู้กำกับ

Phil Lord และ Christopher Miller

วันที่เข้าฉาย

16 March 2012 (USA)

ความยาว

109 นาที

MPAA Rate

R

เมื่อคู่หูตำรวจหน้าใหม่ไฟที่ไม่ถูกกันตอนม.ปลาย แต่ต้องกลายมาเป็นเพื่อนสนิทกันและเพิ่งจบจากโรงเรียนตำรวจ ต้องออกมาทำงานกันจริงๆ แต่มันดันไม่ง่ายอย่างที่วาดฝันไว้ แค่จับโจรง่ายๆมันก็ดูยากเกิ๊น ทำให้พวกเข้าต้องเด้งไปอยู่ถนนจั๊ม ซึ่งภารกิจแรกของพวกเขาที่นี่คือแทรกซึมไปในโรงเรียนม.ปลายที่มีนักเรียนเสียชีวิตเพราะใช้ยาเสพติด เพื่อที่จะหาคนที่ขายยา แต่ตำรวจป้ายแดงคู่นี้จะไปรอดหรือเปล่านะ

"ชินตากับบทฮาๆของ Jonah Hill ที่ไม่ว่าเล่นหนังเรื่องไหนก็ต้องได้รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคนดูกลับไป ต้องจัดว่าเขาเป็นนักแสดงมากฝีมือคนหนึ่งในตอนนี้"

"หนังเรื่องนี้เป็นหนังตลกที่ไม่กากๆ เพราะมีคาแรกเตอร์ของตัวละครทั้งสองเป็นส่วนเติมเต็มให้กันและกัน ทำให้มีหลายๆครั้งมีสถานการณ์ที่ส่งมอบมุกฮาๆให้กันและกัน คนนึงกล้ามโต แต่ไม่เก่งทฤษฏี แต่อีกคนทฤษฏีได้ 100 ปฏิบัติ 0 "

"น่าเสียดายที่ติดเรทสูงไปหน่อยเพราะมีทั้งคำหยาบ ยาเสพติด และเหล้า แต่ถ้าคุณมีโอกาสได้ดูละก็รับรองหนังเรื่องนี้จะช่วยผ่อนคลายสมองให้คุณได้แน่นอน"

We're the Millers

We're the Millers
มิลเลอร์ มิลรั่ว ครอบครัวกำมะลอ

นักแสดงนำ

Jason Sudeikis แสดงเป็น David

Jennifer Aniston แสดงเป็น Rose

Emma Roberts แสดงเป็น Casey

Will Poulter แสดงเป็น  Kenny

Ed Helms แสดงเป็น  Brad Gurdlinger

ผู้กำกับ

Rawson Marshall Thurber

วันที่เข้าฉาย

7 August 2013 (USA)

ความยาว

110 นาที/118 นาที(Extended)

MPAA Rate

R

เรื่องราวมันเริ่มขึ้นเมื่อเดวิด พ่อค้ากัญชารายย่อยเกิดพลาดท่าโดนเด็กแก๊งปล้นกัญชาที่ต้องขายไปทั้งหมด ทำให้เขาต้องทำงานใช้หนี้ แบรด หัวหน้าคนส่งยาของเขา ซึ่งแบรดได้ส่งเดวิดไปขนกัญชาข้ามประเทศมาจากแม็กซีโก แต่งานนี้มันดูจะใหญ่เกินกำลังเขาเอง ทำให้เดวิดต้องสร้างครอบครัวกำมะลอขึ้น ซึ่งประกอบไปด้วย โรส สาวเต้นจ้ำบ๊ะ, เคนนี่ หนุ่มเวอร์จิ้นสุดเอ๋อ, เคย์ซี่ สาววัยรุ่นใจแตก ทั้ง 4 คนต้องออกผจญภัยไปกับเจ้ารถบ้านคันโต งานนี้เห็นทีจะวุ่นแล้วจริงๆ

"เนื้อเรื่องเหมือนจะเครียด แต่ไปๆมาๆกลายเป็นหนังโครตฮาน้ำตาเล็ด มากด้วยนักแสดงเก๋าคุณภาพ อย่าง Jennifer Aniston และวัยสะรุ่นอย่าง Emma Roberts และ Will Poulter "

"ฮาหนะมันฮาจริงๆ แต่มันยังแฝงไปด้วยข้อคิด และสะท้อนการกระทำทั้งดี และไม่ดีของตัวละครออกมาได้อย่างไม่น่าผิดหวัง"

"สำหรับหนังต้นทุนเพียง 37 ล้าน USD แต่สามารถกวาดรายได้กลับไปถล่มถลาย นับว่าไม่ธรรมดาเลยจริงๆกับครอบครัวมิลเลอร์"

500 Days of Summer

คำเตือน ! บทความนี้อาจมีการสปอยล์อยู่ กรุณามีสติระหว่างอ่าน

ทอม ชายหนุ่มที่เชื่อว่ารักแท้นั้นมันมีอยู่จริง แต่ซัมเมอร์ สาวสวยที่เธอเองก็นั้นไม่ได้ศรัทธาเรื่องที่จะรักใครซักคนจริงๆ เมื่อทั้งคู่ที่มองโลกต่างกันต้องโคจรมาเจอกัน ซึ่งทอมก็หลงรักเธอเข้าเต็มประตู หรือนั่นจะเป็นพรหมลิขิตของทอม !?

หนังเรื่องนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนคือพวกเขาอยู่ในโลกที่มันต่างกัน มันเริ่มต้นโดยทอมนั้นอยู่ในโลกแฟนตาซีที่เขาจินตนาการขึ้นมาเอง แต่สุดท้ายก็ต้องมาจบลงในโลกแห่งความเป็นจริง ขณะที่ซัมเมอร์เธอตระหนักถึงความเป็นจริงของชีวิตอยู่ก่อนแล้ว

ผมอุทานได้คำเดียวตอนดูจบนะครับ "ว้าว" มันไม่ใช่หนังรักธรรมดาอะ ทั้งวิธีเล่าเรื่องทั้ง 500 วัน ทั้งอารมณ์ที่มันส่งกันได้ของนักแสดงทั้งคู่ (ทั้งโจเซฟ และซูอี้) และที่โหดร้ายสุดๆคือหนังมันบีบอารมณ์ผมได้นี่แหละที่น่ากลัว แรกๆก็สบายๆนั่งยิ้มฮาๆ แต่ตอนใกล้ๆจบผมถูกทำให้รู้สึกกดดันซะอย่างนั้น ดูจบก็รู้สึกว่านี่ฉันโลกสวยหรอเนี่ย (๕๕๕)

อีกอย่างที่ผมชอบมากระหว่างที่ดูคือมีคำพูดเด็ดๆออกมาให้ฟังกันตลอด เช่น

Summer: I just... I just woke up one day and I knew. (ชั้นแค่ตื่นขึ้นมาวันนึงแล้วก็รู้)
Tom: Knew what? (รู้อะไร?)
Summer: ...What I was never sure of with you. (สิ่งที่ชั้นไม่เคยมั่นใจกับคุณ)

ฟังจากคำของซัมเมอร์คุณก็พอจะเดาๆได้ เพราะความรักจริงๆมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเราบอกตัวเองว่าเนี่ยคนนี้แหละคือพรหมลิขิตของเรา แล้วเขาหรือเธอคนนั้นจะเป็นจริงๆ มันอยู่กับหลายปัจจัยอย่างจังหวะและช่วงเวลา ขอให้คุณอยู่ความเป็นจริงไม่ใช่มโนไปเองว่านั้นคือรักแท้

เป็นหนังที่นำเสนอดีครับ นักแสดงก็เล่นกันเก่งสมบทบาท และถ้าหากคุณจะดูหนังเรื่องนี้คำแนะนำเดียวที่ผมให้ได้คือคุณเตรียมตัวของคุณไปให้พร้อมรับความจริงที่มันออกจะโหดร้ายไปซักหน่อย

The Sitter

คำเตือน ! บทความนี้อาจมีการสปอยล์อยู่ กรุณามีสติระหว่างอ่าน

เมื่อหนุ่มตุ้ยนุ้ยโนอา (โจนาห์ ฮิลล์) ต้องมารับเลี้ยงเด็กน้อย 3 คน ที่แต่ละคนนั้นแสนจะแสบสัน ทั้งสาวน้อยอยากเป็นเซเลบ หนุ่มน้อยที่มีปัญหาขี้กังวล และเจ้าเด็กแสบชอบระเบิดนู่นนี่เล่น โนอา จะรับมือกับเด็กแสบพวกนี้ยังไงกันนะ !!

ถือเป็นหนังตลกๆที่ดูได้ขำๆเรื่องนึงนะครับ ไม่ได้ถึงกับแย่ ก็เรื่องคร่าวๆก็คือที่กล่าวไปข้างบน แต่ที่เด็ดจริงๆ คือสถานการณ์ต่างๆในเรื่องมากกว่า ทั้งระเบิดส้วม ขโมยรถ พ่อค้ายา พวกนี้เป็นองค์ประกอบในเรื่องจริงๆเสียมากกว่าอีก เพราะเนื้อเรื่องมันไม่มีอะไรเลยจริงๆนะ มีแค่ 2 บรรทัดบนที่ผมได้กล่าวไปเท่านั้นแหละ

สำหรับหนังเรื่องนี้ผมดูๆแล้วมันก็ให้ข้อคิดได้เยอะอยู่เหมือนกันตามบุคลิกของโนอา คือเขาเป็นหนุ่มตุ้ยนุ้ยเกือบจะเนิร์ด ถูกผู้หญิงหลอก บุคลิกน่าแกล้งสุดๆ แต่เขาเป็นคนที่เชื่อมั่นในอุดมการณ์ตัวเองสูงอยู่ จุดนี้ถือเป็นแบบอย่างที่ดีเลยครับ

ตัวโจนาห์ ฮิลล์ นั้นผมก็เพิ่งไปดูเขาแสดงจาก The Wolf of Wall Street มา มาดูเรื่องนี้ค่อนข้างจะแปลกไปเหมือนกัน อารมณ์ของตัวละครนั้นต่างออกไป ถือว่าเขาก็เล่นได้สมบทบาทใช้ได้เลยในแต่ละเรื่องที่เล่น ก็สรุปว่าเป็นหนังที่โอเคเรื่องนึง ไม่ได้ดีมากหรือแย่อะไรมาก ก็ดูได้เพลินๆครับผม

The Wolf Of Wall Street

หนังเรื่องนี้สร้างจากเรื่องจริงของ จอร์แดน เบลฟอร์ต โบรกเกอร์หุ้นแห่งวอลสตรีท ที่ทำเงินได้มหาศาล มหาสารครามโลก แต่ก็ต้องหมดตัวเพราะถูกฟ้องข้อหา ฉ้อโกงและฟอกเงิน แต่สุดท้ายเขาก็ผันตัวกลับมาเป็นนักพูดชื่อดังของสหรัฐอเมริกา

โดยตัวหนังอุดมไปด้วยสิ่งไม่พึงประสงค์ ตั้งแต่ยาเสพติด คำหยาบทั้งหลาย ไปจนถึงโสเภณี และฉากเซ็กส์ที่เปิดเผยมากมาย ซึ่งจุดนี้ทำให้หนังเรื่องนี้ได้รับเรท 18+ ไปตรงตามคอนเซปของเขา

คนจะรวยช่วยไม่ได้ เป็นชื่อไทยที่ผมชอบเลยทีเดียว เพราะลีโอ เล่นได้ความรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ตีบทแตกสุดๆ ทุกฉาก ไม่ว่ามันจะยาก หรือลำบากแค่ไหน ซึ่งถ้าหากได้รับชมเองจริงๆ คุณก็จะเข้าใจว่าทำไมผมอวยไปขนาดนี้ (ของเขาดีจริงๆ) และไม่แปลกใจเลยที่หนังเรื่องนี้จะได้รับรางวัล

ถึงแม้จะมีฉากโป๊เยอะไปหน่อย ยาเสพและคำหยาบมากมาย แต่หนังเรื่องกลับดูง่าย ทั้งๆที่เวลามันฉายไปถึง 3 ชั่วโมง แต่หนังก็ให้ข้อคิดกลับมาเยอะอยู่ ทั้งการใช้ชีวิตของตัวจอร์แดนเอง และคนอื่นๆที่รู้และเข้าใจว่าโลกมันไม่ได้สวยซักเท่าไหร่หรอก ต้องดิ้นร้นเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยง

โดยคะแนนส่วนตัวผมให้ไป 8.7/10 และคะแนนอ้างอิงจาก iMDb 8.5/10 ครับผม

The Secret Life of Walter Mitty

บทความนี้อาจเปิดเผยเนื้อหาบางส่วน โปรดใช้วิจารณญาณก่อนอ่าน

มิตตี้ หนุ่มนักฝันที่ทำงานเป็นหัวหน้าแผนกภาพปกนิตยสารชื่อดัง ตัวเขาเองนั้นมีชีวิตปกติที่แสนจะธรมมดา แต่ในหัวเขากลับอุดมไปด้วยจินตนาการ ทำให้หลายๆคนชอบเรียกเขาว่าหลุดโลก

แต่วันดีคืนร้ายของเขาก็มาถึง เมื่อรูปจากช่างกล้องที่แสนสำคัญเกิดหายไป เจ้ารูปใบที่ 25 ที่จะขึ้นปกนิตยสารได้เกิดหายไป ถึงคราวที่มิตตี้ต้องรับผิดชอบ เพื่อการนั้นเขาต้องแก้ไขปริศนาและต้องออกตามหาเจ้ารูปเจ้าปัญหาใบนั้น

ฉากและภาพอันสวยงาม ดนตรีที่เพราะเสนาะหูตลอดทั้งเรื่อง เป็นตัวกล่อมเกลาให้เพลิดเพลินจนไม่รู้สึกว่าเมื่อไหร่จะจบซะที เหล่านี้เป็นองค์ประกอบที่สำคัญจุดนึงในเรื่องเลยแหละครับ ที่ทำให้ผมมีความรู้สึกร่วมไปกับหนังได้

นี่คือสุดยอดภาพยนต์ให้แรงบัลดาลใจที่ดีที่สุดเรื่องนึงในปี 2013 หนังพยายามจะสื่อถึงการลงมือทำ ไม่ใช่เอาแต่นั่งคิดนั่งฝัน กล้าที่จะออกไปเผชิญหน้าจริงๆ ซึ่งจุดนี้แหละคือแก่นที่ผมรู้สึกได้ของหนังเรื่องนี้ครับ

หนังเรื่องนี้ถ้าหากได้ดูและไปสัมผัสจริงๆจะรู้ว่าตัวหนังเองนั้นละเอียด และพิถีพิถันมากๆ แต่ละฉากแต่ละตอนสวยงามเหมือนกับมีชีวิตจริงๆ และไม่ลืมใส่มุขน่ารักๆพออมยิ้มมาให้เราอย่างไม่ขาดสาย

ผมขอแนะนำเพลงประกอบในเรื่องนะครับ Step Out ของ JOSE GONZALEZ เพลงเพราะความหมายดีๆครับ

สำหรับเรื่องนี้ผมให้ 8/10 ครับผม เป็นความรู้สึกที่ดีส่วนตัวสำหรับหนังประเภทนี้นะครับ และจงอย่ามัวแต่ฝัน จงเริ่มลงมือทำให้มันเป็นจริงนะครับ